บันทึกอนุทินครั้งที่ 4
วันอังคาร ที่ 10 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2558
การเข้าใจภาวะปกติ
เนื้อหา / กิจกรรม
การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ
ทักษะของครูและทัศนคติ
การฝึกพิ่มเติม
- การอบรม , สัมนา
- สื่อข้อมูลต่างๆ เช่น หนังสือ เอกสาร โทรทัศน์ครู หรือข้อมูลตามเว็ปต่างๆ
"การศึกษาข้อมูลครูควรศึกษาจากหลายๆแหล่งความรู้เพื่อนำมาปรับประยุกต์ใช้กับเด็ก และเพื่อพิ่มประสิทธิภาพในการส่งเสริมเด็กให้เต็มตามศักยภาพของเด็ก"
การเข้าใจภาวะปกติ
- มองเด็กให้เป็น "เด็ก"
- รู้จักเด็กแต่ละคน
- เรียนรู้และมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก
- จำชื่อจริงและชื่อเล่นเด็กให้ได้ทุกคน
การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า
"การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก" จะช่วยให้สามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
ความพร้อมของเด็ก
- วุฒิภาวะ
- แรงจูงใจ
- โอกาส
การสอนโดนบังเอิญ
- เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม เช่น เด็กเดินเข้ามาถาม , เด็กขอความช่วยเหลือ
- พร้อมที่พบเด็ก
- มีความสนใจเด็ก
- มีความรู้สึกที่ดีต่อเด็ก
- มีอุปกรณ์และกิจกรรมล่อใจเด็ก
- มีความตั้งใจจริงในการช่วยเหลือเด็ก
- ใช้เวลาติดต่อไม่นาน
- ทำให้เป็นเรื่องสนุกสนาน
อุปกรณ์
- สื่อไม่แบ่งแยกเพศ เช่น บล็อก เลโก้ เป็นต้น
- สื่อที่ไม่มีวิธีการเล่นที่ตายตัว
ตารางประจำวัน
- กิจกรรมต้องเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำนายได้
- การสลับกิจกรรมเงียบๆกับกิจกรรมเคลื่อนไหวมากๆ
- คำนึงถึงความเหมาะของเวลา
ตัวอย่าง
กิจกรรมหน้าเสาธง>กายบริหาร>เล่นตามมุม>เคลื่อนไหวและจังหวะ>กิจกรรมเสรี>กิจกรรมเสริมประสบการณ์>ศิลปสร้างสรรค์>พักกลางวัน
ทัศนคติของครู
ความยืดหยุ่น
- แก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
- ยอมรับความสามารถและความแตกต่างของเด็กแต่ละคน
- ตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน
- ใจกว้างต่อคำแนะนำ
- สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมกับบำบัดในห้องเรียน
การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้
แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่
- การตอบสนองด้วยวาจา
- การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก
- การพยักหย้า ยิ้ม รับฟัง
- สัมผัสเด็ก
- ให้ความร่วมมือ และให้ความช่วยเหลือเด็ก
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย
- ให้แรงเสริมเด็กทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
- ให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์
การแนะนำหรือบอกบท (Prompting)
- ย่อยงาน , ลำดับความยากง่าย ,บอกบทค่อยๆลดน้อยลงตามลำดับ
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
- สังเกตและกำหนดจุดหมาย
- วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ในงานแต่ละชิ้น
- สอนจากง่ายไปยาก
- ให้แรงเสริมเด็กทันทีเมื่อเด็กทำได้
- ลดการบอกบท
- ทีละขั้น ไม่เร่งรัด "ยิ่งขั้นเล็กเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น"
- ใจเย็น ไม่ดุไม่ตี
จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
ความต่อเนื่อง
- กิจกรรมทุกๆอย่างในชีวิตประจำวันต่อเนื่องกันระหว่างพฤติกรรมย่อยๆหลายๆอย่างรวมกัน
- สอนแบบก้าวไปข้างหน้า หรือย้อนมาจากข้างหลัง
- การจับช้อน
- การตัก
- การระวังไม่ให้น้ำในช้อนหกก่อนจะเข้าปาก
- เอาช้อนและซุปเข้าปากแทนที่จะทำให้หกรดคาง
- การเอาซุปออกจากช้อนเข้าปาก
- การสอนแบบก้าวไปข้างหน้า คือการสอนให้เด็กปฏิบัติจากขั้นตอนที่ 1-5 ตามลำดับ
- การสอนแบบย้อนมาจากข้างหลัง คือ ขั้นตอนที่ 1-4 ครูทำ ส่วนขั้นตอนสุดท้ายให้เด็กลงมือปฎิบัติเอง
- งดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
- เอาอุปกรณ์หรือของเล่นออกจากเด็ก
- เอาเด็กออกจากการเล่น
"คงเส้นคงวา"
กิจกรรม
จากกิจกรรมนี้ สอนให้เรารู้ว่า ส่วนต่างๆของร่างกายเราควรสังเกตและเรียนรู้ให้รอบคอบ หากวันใดมันหายไปหรือมีความบกพร่องเราจะได้รู้และหาวิธีแก้ไขได้ถูกต้อง เช่นเดียวกับการเป็นครูเราควรสังเกตพฤติกรรมเด็กให้ดีและบันทึกพฤติกรรมของเด็กในขณะที่เด็กแสดงพฤติกรรม เพื่อเก็บรายละเอียดและหาวิธีแก้ไขและส่งเสริมให้ถูกต้อง
การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
- การปรับทัศนคติการมองเด็กให้เป็นเด็ก
- การจำชื่อเด็กให้ได้ทุกคน เพื่อให้เด็กอบอุ่นและรู้สึกดี
- การพูดในเชิงบวก ลูบหัว ค่อยตบหลัง
- การมอบโอกาสให้เด็กทุกคนได้เรียนรู้เท่าๆกัน
- การเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กเกิดการเรียนทุกเมื่อที่เข้ามาหา
- การจัดการเรียนให้เป็นเรื่องสนุกสนาน
การประเมิน
ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา มีวินัยในชั้นเรียน ตั้งใจทำกิจกรรมในชั้นเรียนได้สำเร็จและได้ข้อคิดที่หลากหลายจากกิจกรรม มีส่วนร่วมในการตอบคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาการเรียน
ประเมินเพื่อน : เพื่อนทุกคนตั้งใจเรียนรู้กับกิจกรรมและเนื้อหาการเรียน แต่อาจมีติดขัดเล็กน้อย เช่น การคุยกัน แต่ ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี และบรรกาศก็สนุก และอบอุ่น
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์นำเรื่องดีๆมาเล่าให้นักศึกษาฟัง และสอนการปฏิบัติในการเรียนที่ดี เนื้อหาวันนี้อาจจะเยอะแต่ก็อธิบายเพิ่มเติมให้เข้าใจมากขึ้น บรรยากาศสนุกเป็นกันเอง และมีกิจกรรมร้องเพลงเพื่อนำไปใช้งานได้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น